วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

บร๊ะเจ้า ชัค นอร์ริซ (Chuck Norris Facts)

โดย อนุพงศ์

สวัสดีครับคุณผู้อ่าน

หลายๆ  คนคงได้ผ่านตากันไปแล้วสำหรับ The Expendables 2 สำหรับภาคนี้ผมชอบมากกว่าภาคแรกครับ หนังมันส์ขึ้น เท่ห์ขึ้น บ้าระห่ำขึ้น และน่าเบื่อน้อยลง  อาจเป็นเพราะคนดูรู้จักแต่ล่ะคนในทีม The Expendables กันไปแล้วในภาคแรก  ภาค 2 นี่เลยไม่ต้องมาแนะนำตัวกันอีก  ผู้กำกับ Simon West (Con Air, Lara Croft: Tomb Raider, The Mechanic) จึงสามารถใส่รายละเอียดในส่วนอื่นๆ เข้าไปได้เยอะกว่าเดิม  เช่น  มุกจิกกัดสำหรับแฟนหนังแอคชั่นเก่าๆ  นี่ก็เป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหนัง  แถมต้นเรื่องยังถ่ายทำในประเทศไทยซะด้วย  ตัวประกอบพูดไทยกันจ้อเลย


ซึ่งถ้าใครได้ดู The Expendables 2 แล้วเกิดความสงสัยว่า  ชายผู้ไว้เคราชื่อ บุคเกอร์ ผู้มีฝีมือเทพมาก ที่โผล่ไปโผล่มาแสดงฝีมือขั้นเทพ ช่วยทีมพระเอกไว้หลายรอบ  (ต้องผลุบๆ โผล่ๆ เพราะถ้าท่านเทพเล่นโผล่มานานๆ หนังจะจบลงใน 15 นาทีแล้วศัตรูตายหมด)


ตาลุงนั่นเป็นใคร? เฮียสไลแกไปอัญเชิญมาจากไหน  วันนี้ผมจะเฉลยให้ว่า ตาลุงนั่นคือ "ชัค นอร์ริส" โอ้ววว! พระเจ้าชัคนอร์ริซ

แล้ว ชัค นอร์ริส คือใคร ?
คาร์ลอส เรย์ "ชัค" นอร์ริส (อังกฤษ: Carlos Ray "Chuck" Norris) เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1940 รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ส่วนสูง 5' 10" (1.78 m)  เป็นนักแสดงและผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ชาวอเมริกัน  หลังจากที่เขาเข้าร่วมกองทัพอากาศอเมริกัน เขาก็เริ่มมีชื่อเสียงจากศิลปะต่อสู้ป้องกันตัว  เขาได้ก่อตั้งโรงเรียนของตัวเองที่ชื่อ Chun Kuk Do (ส่วนโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ บรูซ ลี ตั้งชื่อ จิคุนโด Jeet Kune Do คล้ายๆ กันนะ)



นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว  นอร์ริส  ยังเป็นแชมป์ศิลปะป้องกันตัวมาแล้วหลายรายการ เช่น
The National Karate Championships (1966),  All-Star Championships (1966),  World Middleweight Karate Championship (1967)

นอร์ริส เป็นผู้ศรัทธาในคริสเตียนและมีมุมมองการเมืองแบบอนุรักษนิยม  เขาเขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับศาสนาคริสต์

นอร์ริส  มีผลงานในภาพยนตร์แอ็กชันหลายเรื่อง  อย่างเช่น  Way of the Dragon  ที่เขาแสดงร่วมกับบรูซ ลี  และเป็นหนึ่งในดาราแถวหน้าของบริษัทแคนนอนกรุ๊ป (บริษัทสร้างภาพยนต์ที่เน้นหนังบู๊) ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ต่อมาเขาแสดงในซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Walker, Texas Ranger ตั้งแต่ปี 1993 ถึง 2001

ชัค นอร์ริส  คือพระเอกหนังบู๊สมัยยุค 80  ซึ่งหนังที่แกเล่นก็จะประมาณพระเอกคนเดียวจัดการศัตรูทั้งกองทัพ  ช่วยชาวเมือง  ถล่มองค์รนรก  กอบกู้โลก  ระเบิดภูเขาเผากระท่อม  ยิงปืนชนิดที่กระสุนไม่มีหมดกันเลย  ใครยิงใส่พี่แกหลบได้หมด  ถ้าแกพลาดท่าให้ตัวโกงนั่นคือแกแกล้งแพ้นะครับ  (แต่ดันมาโดนบรู๊ซลีเตะตายในเรื่อง Way of the Dragon ที่แกแสดงเป็นตัวประกอบ) ซึ่งความเทพในหนังของแกนี่เองที่ฝรั่งเอามาล้อเป็น  Chuck Norris Facts  เช่น
  - เมื่อ ชัค นอร์ริส ส่องกระจกเงา ก็จะไม่พบตัวเขาอยู่ในนั้น เพราะบนโลกนี้มี ชัค นอร์ริส เพียงหนึ่งเดียว
  - แบทแมน ซูปเปอร์แมน และไออ่อนแมน ล้วนฝันอยากเป็น ชัค นอร์ริส เมื่อตอนเด็กๆ
  - ชัค นอร์ริสสามารถขี่จักรยานยกล้อได้...ด้วยจักรยานล้อเดียว
  - ชัค นอร์ริส สามารถพับเครื่องบิน เป็นกระดาษ
  - ชัค นอร์ริส ทำให้อาหารชุด "Happy Meal" ต้องร้องไห้
  - ชัค นอร์ริส ไม่ได้อายุมากขึ้น เขาเลเวลอัพ
  - ชัค นอร์ริสสามารถวาดสามเหลี่ยมให้มีสี่ด้านได้
  - ชัค นอร์ริส เล่นมาริโอ้จบโดยไม่ต้องใช้ปุ่มกระโดด
  - ผมกด ไม่ชอบ ชัค นอร์ริสในเฟซบุ๊ค คอมพิวเตอร์ผมพัง
  - บางคนฆ่านก 2 ตัวด้วยก้อนหินเพียงก้อนเดียว แต่ ชัค นอร์ริส สามารถฆ่าก้อนหิน 2 ก้อนด้วยนกเพียงตัวเดียว
  - นีล อาร์มสตรอง คือมนุษย์คนแรกที่เดินบนดวงจันทร์ ชัค นอร์ริส คือมนุษย์คนแรกที่เดินบนดวงอาทิตย์
  - เมื่อท่านประธานาธิบดีกดปุ่มใหญ่ๆ สีแดง มือถือของ ชัค นอร์ริส จะดัง
  - การหมุนของโลกเกิดจาก ชัค นอร์ริส เดินในทิศตรงกันข้าม
  - วิดีโอยูทูปแมวเนี้ยวแคทวิ่งซึ่งมีความยาว 24 ชั่วโมงนั้น ชัค นอร์ริส สามารถดูจบ 3 รอบใน 1 วัน
  - ปีศาจขายวิญญาณให้ ชัค นอร์ริส

ซึ่ง Facts เหล่านี้สามารถหาอ่านได้ใน  http://www.chucknorrisfacts.com/  ที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็เคยเข้ามาอ่านแล้วก็ได้ฮากันไป ทางเว็บมีการจัดระดับ Facts โดยผลโหวตจากผู้เข้าชม  มี 5 ระดับคือ  Poor / Okay / Good / Great / Awesome  ซึ่งระดับก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามการโหวตนะครับ



ข้างล่างนี้เป็น Facts ที่แปลมาจากต้นฉบับที่คัดมาบางส่วน
(3) เมื่อตอนที่ Alexander Graham Bell (ผู้คิดค้นโทรศัพท์) ประดิษฐ์โทรศัพท์ได้ เขาได้รับ missed call 3 สาย จาก ชัค นอริส
(5) ชัค นอริส ไม่ได้โทรผิด คุณนั่นแหละที่รับโทรศัพท์ผิด
(6) ชัค นอริส มีพรมหมีกริซรี่ อยู่ในห้องของเขา มันยังไม่ตาย แต่มันไม่กล้าขยับ
(10) ชัค นอริส ตายไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพียงแต่ยมบาลยังรวบรวมความกล้าไม่มากพอที่จะไปบอก
(12) ชัค นอร์ริส เคยไปดาวอังคารมาแล้ว นั่นคือสาเหตุว่าทำไมจึงไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร
(14) ผู้วิเศษบางคนเดินบนน้ำได้ ชัค นอริส ว่ายดินได้
(15) ชัค นอริส สามารถตัดมีดร้อนๆ ได้ด้วยใช้เนย
(21) ชัค นอริส เป็นสาเหตุที่ว่าทำไม Waldo ต้องไปซ่อน


(ผู้เขียน -- Where’s Waldo? เป็นเกมส์กระดาษในสมัยก่อน  ซึ่งในกระดาษจะเป็นรูปมึนๆ งงๆ สีสันสดใส แล้วคุณ Waldo เนี่ยจะซ่อนอยู่ในรูปนั้น หน้าที่ของเราคือการตามหาคุณ Waldo ว่าไปซ่อนอยู่ตรงไหนไม่รู้ในรูป แต่ก่อนถือเป็นเกมส์ที่ไว้เล่นกับเพื่อนๆ แข่งกันว่าใครหาคุณ Waldo ได้เยอะกว่ากัน  ปัจจุบัน Waldo กลับมาให้เราหายคิดถึง โดยการ upgrade ตัวเองมาเป็น App ใน iPhone เป็นที่เรียบร้อย โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Where’s Wally? ลองหามาเล่นดูนะ)
(16) ชัค นอร์ริสกับ ซูเปอร์แมนเคยสู้กันมาก่อน โดยพนันว่าใครแพ้ต้องใส่กางเกงในไว้ข้างนอก
(17) ชัค นอริส เคยชนะการแข่งขันไพ่โปกเกอร์ระดับโลก โดยใช้การ์ดโปเกม่อน
(18) ครั้งหนึ่ง ชัค นอริส เคยฉี่ใส่ถังน้ำมันรถบรรทุกคันหนึ่ง... ทุกวันนี้รู้กันว่ารถบรรทุกคันนั้นคือ Optimus Prime
(23) ชัค นอร์ริส นับหนึ่งถึงอนันต์สองรอบ
(25) ก่อนที่ Boogieman (ผีที่ซ่อนอยู่ตามเสื้อผ้าหรือใต้เตียงคอยหลอกเด็ก) จะเข้านอนทุกครั้ง เขาจะเช็คตู้เสื้อผ้าและใต้เตียงว่า ชัค นอร์ริส ซ่อนอยู่รึเปล่า
(28) ครั้งหนึ่ง ชัค นอร์ริส เคยเตะเสยคางม้าตัวหนึ่ง ปัจจุบันมันถูกเรียกว่ายีราฟ
(34) เมื่อ ชัค นอร์ริส วิดพื้น เขาไม่ได้ดันตัวเองขึ้น แต่เขากดโลกลง
(35) ก่อนโครงการหนังเรื่อง Alien vs. Predator เคยมี Alien and Predator vs Chuck Norris
หนังถูกยกเลิกไปก่อนที่จะสร้าง เพราะคงไม่มีใครยอมจ่ายเงิน 9 ดอลล่าร์ไปดูหนังที่จะจบใน 14 นาที
(36) ชัค นอริส สามารถจุดไฟได้ ด้วยการเอาน้ำแข็งสองก้อนมาถูกัน
(40) ครั้งหนึ่งเคยมีถนนชื่อว่า "ชัค นอร์ริส" แต่ก็ต้องเปลี่ยน เพราะไม่เคยมีใครข้ามถนนเส้นนั้นแล้วมีชีวิตรอด
(53) ชัค นอริส ไม่เคยใส่นาฬิกา เพราะเขาเป็นคนกำหนดเองว่ากี่โมงแล้ว
(57) ไดโนเสาร์ติดเงิน ชัค นอร์ริส และไม่ได้ใช้คืน

ต้นฉบับภาษาอังกฤษ (แนะนำให้อ่านแบบต้นฉบับนี้จะได้อารมณ์กว่านะครับ ฝรั่งนี่ช่างคิดจริงๆ)
1. Chuck Norris never learns. He already knows!
2. Chuck wasn't an actor in the Expendables 2, he just happened to be there.
3. When Alexander Bell invented the telephone he had 3 missed calls from Chuck Norris
4. Fear of spiders is aracnaphobia, fear of tight spaces is chlaustraphobia, fear of Chuck Norris is called Logic
5. Chuck Norris doesn't call the wrong number. You answer the wrong phone.
6. Chuck Norris has a grizzly bear carpet in his room. The bear isn't dead it is just afriad to move.
7.Ghosts sit around the campfire and tell Chuck Norris stories.
8. There used to be a street named after Chuck Norris, but it was changed because nobody crosses Chuck Norris and lives.
9. Chuck Norris won American Idol using only sign language
10. Chuck Norris died 20 years ago, Death just hasn't built up the courage to tell him yet.

11. If you rate this 5 roundhouse kicks, then Chuck Norris WILL roundhouse kick Justin Bieber's ass.
12. Chuck Norris has already been to Mars; that's why there are no signs of life.
13. Once the cop pulled over Chuck Norris....the cop was lucky to leave with a warning.
14. Some magicans can walk on water, Chuck Norris can swim through land.
15. Chuck Norris can cut through a hot knife with butter
16. Chuck Norris and Superman once fought each other on a bet. The loser had to start wearing his underwear on the outside of his pants.
17.Chuck Norris won the World Series of Poker using Pokemon cards
18.Chuck Norris once urinated in a semi truck's gas tank as a joke....that truck is now known as Optimus Prime.
19.Chuck Norris doesn't flush the toilet, he scares the sh*t out of it
20.Death once had a near-Chuck Norris experience

21.Chuck Norris is the reason why Waldo is hiding.
22.Chuck Norris remembers the future.
23.Chuck Norris counted to infinity - twice.
24.Chuck Norris can slam a revolving door.
25.When the Boogeyman goes to sleep every night, he checks his closet for Chuck Norris.
26.Chuck Norris will never have a heart attack. His heart isn't nearly foolish enough to attack him.
27. Chuck Norris can win a game of Connect Four in only three moves.
28. Chuck Norris once kicked a horse in the chin. Its decendants are known today as Giraffes.
29. Chuck Norris once got bit by a rattle snake... After three days of pain and agony ...the rattle snake died
30. When life gives Chuck Norris lemons, he makes life apologize.

31. Beef jerky is the result of cows staring at Chuck Norris too long.
32. Chuck Norris does not sleep. He waits.
33. Cancer gets checked for Chuck Norris
34. When Chuck Norris does a pushup, he isn't lifting himself up, he's pushing the Earth down.
35. The original title for Alien vs. Predator was Alien and Predator vs Chuck Norris.
The film was cancelled shortly after going into preproduction. No one would pay nine dollars to see a movie fourteen seconds long.
36. Chuck Norris can light a fire by rubbing two ice-cubes together.
37. Chuck Norris' hand is the only hand that can beat a Royal Flush.
38. Chuck Norris donated his heart to a hospital.....twice.
39. The Black Eyed Peas were originally named "The Peas"....until they met Chuck Norris.
40. There once was a street named after Chuck Norris but they renamed it. No one crosses Chuck Norris and lives.

41. Chuck Norris doesn't read books. He stares them down until he gets the information he wants.
42. There is no theory of evolution. Just a list of creatures Chuck Norris has allowed to live.
43. Chuck Norris doesnt walk, the earth moves under his feet
44. Chuck Norris was denied auditioning for "Mission Impossible", for obvious reasons.
45. Chuck Norris can kill 99% of all bacteria...as a warning to the other 1%.
46. When children go to bed, they take a teddy bear with them. When Chuck Norris goes to bed, he takes a grizzly bear with him.
47. If Chuck Norris has 5 dollars and you have 5 dollars, it means, that Chuck has more money than you.
48. The sheep on Chuck Norris' farm are the ones that give us steel wool.
49. The only time Chuck Norris was wrong was when he thought he made a mistake
50. When Chuck Norris crosses the street , cars look both ways.

51. There is no chin behind Chuck Norris’ beard. There is only another fist.
52. Chuck Norris is so fast, he can run around the world and punch himself in the back of the head.
53. Chuck Norris doesn’t wear a watch. HE decides what time it is.
54. Chuck Norris once drowned a fish underwater.
55. Contrary to popular belief, America is not a democracy, it is a Chucktatorship.
56. Lance Armstrong has won Le Tour de France 7 times, Chuck Norris has done it only once, but he did it riding a Monocycle...
57. The dinosaurs once owed Chuck Norris money. They never paid him back
58. Chuck Norris once won a game of Connect 4, with the move Knight to Bishop 3.
59. Remember the Soviet Union? They decided to quit after watching a DeltaForce marathon on Satellite TV.
60. Chuck Norris does not get frostbite. Chuck Norris bites frost.

61. Outer space exists because it's afraid to be on the same planet with Chuck Norris.
62. Chuck Norris can lead a horse to water AND make it drink.
63. According to leading scientists, the deadliest animal on the planet is the Bearded Norris.
64. Chuck Norris didn't go to college. Colleges go to Chuck Norris.
65. Do you know what's better than waking up to a good cup of Tim Hortons ? Knowing that Chuck Norris didn't kill you in your sleep.
66. Chuck Norris is currently suing NBC, claiming Law and Order are trademarked names for his left and right legs.

สุดท้าย. ชัค นอร์ริส รู้ว่าคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ และกำลังไปหาคุณ

ผลงานของ ชัค นอร์ริซ
The Expendables 2 (2012)
Forest Warrior (1996)
Top Dog (1995) (z^h)
Hellbound (1994)
Sidekicks (1992) (ผู้เขียน -- ชื่อไทยว่า "ขาตั้งเตะ" ผู้เขียนเคยดูสมัยเด็กๆ)
The Hitman (1991)
Delta Force 2 : The Colombian Connection (1990)
Hero and the Terror (1988)
Braddock: Missing in Action III (1988)
Firewalker (1986)
The Delta Force (1986)
Invasion U.S.A. (1985)
Code of Silence (1985)
Missing in Action 2: The Beginning (1985)
Missing in Action (1984)
Lone Wolf McQuade (1983)
Forced Vengeance (1982)
Silent Rage (1982)
An Eye for an Eye (1981)
The Octagon (1980)
A Force of One (1979)
Good Guys Wear Black (1978)
Breaker! Breaker! (1977)

*ภาพประกอบนี้ไม่ตรงกับเนื้อหานะครับ
ภาค 3 ลุงไม่มาแล้วนะ!
ลุงแกให้สัมภาษณ์กับ The Playlist ถึงภาคต่อไปของ The Expendables ไว้ว่า
“ไม่หรอก เลข 2 ก็พอแล้ว สำหรับผม... ก็ใช่ตามนั้นแหละ” แต่อย่างเพิ่งสิ้นหวัง  เพราะอะไรๆ  มันก็เกิดขึ้นได้  ซึ่งก่อนหน้านั้น  ลุงแกบอกว่าจะไม่เล่นหนัง The Expendables 2  เพราะอยากให้มันเป็นเรต PG-13 (หนังได้เรต R)  แต่สุดท้ายลุงแกก็โผล่มาแสดงความเทพให้คนดูได้ประจักษ์กันอยู่ดี


--- จบ ---

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Sam Raimi กับซีรีย์ผีอมตะ Evil Dead Trilogy


โดย อนุพงศ์

แซม ไรมี (Sam Raimi) ถือเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่ผมชื่นชอบ เขาสร้างหนังที่ส่วนใหญ่มีทั้งความบ้าบอ สยองขวัญ ตลกร้าย เขย่ารวมกันแต่ให้ตายเถอะมันกลับสนุกพิลึก รวมทั้งเป็นผู้ให้กำเนิดตัวละครที่จะนำกลับมาสร้างใหม่เมื่อไหร่ก็มีแฟนๆ อ้าแขนรอรับอย่าง Darkman ซุปเปอร์ฮีโีร่ผู้อาพัภ และ Anti-Hero แขนเลื่อยไฟฟ้าอย่าง Ash จาก Evil Dead


ผลงานการกำกับของแซม ไรมี ที่น่าจะพอคุ้นชื่อกัน เช่น
The Quick and the Dead (1995), The Simple Plan (1998), The Gift (2000), 
Spider-Man (2002), Spider-Man 2 (2004), Spider-Man 3 (2007), 
Drag Me to Hell (2009) และ Oz : The Great and Powerful หนังพ่อมดอ๊อซที่จะเข้าฉายในปี 2013

รวมทั้งยังเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังเจ๋งๆ อย่าง
Hard Target (1993), Time Cop (1994), Boogeyman (2005), 30 Days of Night (2007), The Grudge (2004) 

Sam Raimi มีชื่อเต็มคือ Samuel Marshall Raimi เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 1959 ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา มีผลงานเป็นที่รู้จักดีในการกำกับหนังสยองขวัญทุนต่ำและตลกร้าย ผลงานสร้างชื่อให้กับเขาได้แก่ ผีอมตะ ทั้ง 3 ภาค (The Evil Dead Trilogy) และ หนัง Super Hero เรื่องแรกของเขา หลุดจากคน (Darkman,1990) ที่แซมทั้งเขียนบทและกำกับ นำแสดงโดย Liam Neeson ซึ่งต่อมาส่งผลให้เขาได้มากำกับหนังแฟรนไชส์ บล็อกบัสเตอร์ อย่าง สไปเดอร์แมน (Spider-Man) ทั้ง 3 ภาค ที่ดังเป็นพลุแตก

สมัยเด็ก แซมชื่นชอบการดูหนังชนิดเข้าเส้น เขาสร้างหนังครั้งแรกเมื่อวัย 10 ขวบด้วยกล้องขนาด 8มม.
ผลงานของเขาส่วนใหญ่เป็นแนวตลกร้าย (Darkly Humorous) และหนังสยองขวัญทุนต่ำ (Low-Budget Horror Film) เขามีผลงานชิ้นแรกในวงการคือการเขียนบทและกำกับหนังสั้นสยองขวัญเรื่อง Within the Woods (1978) หนังมีความยาว 32 นาที นำแสดงโดยกลุ่มเพื่อนของเขาที่มาแสดงเป็นตัวเอง อาทิเช่น
Bruce Cambell ที่ต่อมาแสดงหนังของแซมอีกหลายต่อหลายเรื่อง, Ellen Sandweiss, Mary Valenti, Scott Spiegel เป็นเรื่องเกี่ยวกับ กลุ่มเพื่อนที่ไปเที่ยววันหยุดพักผ่อนในกระท่อมกลางป่า แต่ความสยองขวัญก็เริ่มขึ้นเมื่อ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มได้ลบหลู่พื้นที่ที่ใช้ฝังศพของชาวอินเดียนแดง (Indian burial ground)
หนังใช้ทุนสร้างไปเพียง 1,600$ และใช้เวลา 3 วันในการถ่ายทำที่ Michigan บ้านเกิดของเขาเอง หนังเข้าฉายในเดือนสิงหาคม 1979 ที่ The Punch and Judy Theatre ใน Detroit และหนังได้รับคำชมจากความบ้าบอของไปหนังเป็นกระบุงโกย ปัจจุบันเป็นหนังที่หาชมได้ยากยิ่ง

ซึ่งจากความบ้าบอนี่เองที่ไปเข้าตาค่ายหนังอย่าง Renaissance Pictures แซมจึงถูกเรียกไปพบและได้รับทุนในการพัฒนาหนัง Comedy Horror อย่าง Evil Dead ขึ้นมาจนกลายเป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำระดับตำนาน

...ในสมัยเด็กนั้นผมดู Army of Darkness เป็นเรื่องแรกในบรรดา 3 ภาค โดยหารู้ไม่ว่ามันมีภาคก่อนมันอีก 2 ภาค รู้แต่วันมันเป็นหนังที่สนุกมากๆ ตอนที่แอชถูกผลักลงบ่อไปสู้กับปีศาจโดยใช้เลื่อยยนต์นั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ยิ่งพอแอชจิ๋วและกองทัพโครงกระดูกโผล่ออกมานี่ยิ่งแล้วใหญ่ รู้สึกว่ามันเป็นหนังที่สนุกและสุดยอดมาก สมัยนั้นที่บ้านติดเคเบิ้ลทีวี ภาค 3 นี่ดูไม่ตำกว่า 6-7 รอบ เอามาฉายเมื่อไหร่เป็นดูทั้ง Soundtrack และพากษ์ไทย มารู้เอาที่หลังว่ามันมี 3 ภาคก็ตอนเรียนมหาลัยแล้วจึงหามาดู สำหรับภาค 1 และ 2 นี่หาได้จากกระบะวีซีดีลดราคาตามห้างตั้งแต่ปี 2550 แต่กลับหาภาค 3 ที่อยากดูอีกไม่ได้เลย หลายปีต่อมาจึงหาได้จาก เว็บ Bit นอก

ผมตั้งใจที่จะเขียน Review เรื่องนี้ เพราะความชื่นชอบในตัวหนังเป็นพิเศษ และได้ข่าวว่าผู้กำกับแกจะนำกลับมา remake กันใหม่อีกรอบ จึงอยากให้ผู้อ่านรู้ถึงความยอดเยี่ยมของไตรภาค Evil Dead กันครับ

-- THE EVIL DEAD --


ผีอมตะ (The Evil Dead,1981)
ความยาว 85 นาที กำกับและเขียนบทโดย แซม ไรมี

หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อน 5 คน Ashley J. Williams (Bruce Campbell),
Cheryl (Ellen Sandweiss), Scott (Richard DeManincor), Linda (Betsy Baker) และ Shelly (Theresa Tilly)
พวกเขาใช้วันหยุดพักผ่อนโดยการนัดกันไปเที่ยวป่าที่บรรยากาศรอบข้างดูไม่น่าไว้วางใจ  ต้นไม้ที่หงิกงอเหมือนมีปีศาจสิงสู่ และที่กระท่อมร้างกลางป่าที่พวกเขาอาศัยพักแรมมีเทปบันทึกเสียงอ่านคัมภีร์แห่งความตาย (Book of the Dead) ที่อ่านโดยศาสตราจารย์ที่ศึกษาศาสตร์แห่งความตาย เมื่อเทปถูกเปิด ขึ้นโดยพวกเขาคนหนึ่ง บทสวดได้ปลุกวิญญาณร้ายจากป่าให้ตื่นขึ้นมารังควาญหนุ่มสาวผู้โชคร้ายทั้ง 5 ราย

'มัน' ไม่มีรูปร่าง (แต่คนดูจะรู้ได้จากมุมกล้องที่แทนสายตาของ 'มัน') เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และเข้าสิงสู่สิ่งมีชีวิตไม่ว่า คน หรือต้นไม้ เหยื่อยทั้ง 5 ค่อยๆ ถูกสอยไปทีละคนสองคน แต่เรื่องตลกร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อ ‘มัน’ เข้าสิงนางเอกของเรื่อง!? เธอคล้ายผีเข้า หัวเราะเหมือนคนบ้า และจ้องจะฆ่าเขา และพระเอกก็จัดการกับเธอด้วยการหั่นเธอเป็นชิ้นๆ แล้วยัดใส่กระสอบ

หนังใช้ทุนสร้างไป $375,000 ทำกำไรทั่วโลกไปทั้งสิ้น $29,400,000
จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังจะมีภาค 2 ตามมาหลอกหลอนกันอีกระลอก!


-- EVIL DEAD 2 --



ผีอมตะ 2 (Evil Dead 2, 1987)
แซม ไรมี่ทั้งเขียนบทและกำกับเช่นเคย
หนังได้รับเรต R ความยาว 84 นาที

ความบ้าบอและตลกร้ายของหนังยังอยู่ครบ กับเนื้อเรื่องที่คลายกับลอกภาคแรกมาทั้งดุ้น เมื่อกลุ่มหนุ่มสาวผู้โชคร้ายพากันเข้าป่าและต้องผจญกับผีร้าย แต่ด้วยทุนสร้างที่สูงขึ้นผู้กำกับจึงใส่ 'ของ' ในหนังได้มากขึ้น แถมยังใส่สัตว์ประหลาดที่ดูจะไม่เข้ากับโทนหนังเข้ามาในท้ายเรื่อง และด้วยฉากจบอันหลุดโลกของผู้กำกับที่ให้พระเอกและเลื่อยไฟฟ้าคู่ใจถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ อันนำส่งเข้าสู่เนื้อเรื่องอันหลุดโลกยิ่งกว่าในภาค 3


-- ARMY OF DARKNESS --


อภินิหาริย์กองพันซี่โครง (Army of Darkness,1992)
เรต R ความยาว 81 นาที
แซม ไรมี เขียนบทร่วมกับพี่ชายของเขา ไอแวน ไรมี (Ivan Raimi)

เนื้อเรื่องดำเนินต่อจากภาค 2 แต่โทนหนังจะเปลี่ยนจากสยองขวัญมาเป็น Action Adventure เจือกลิ่น Fantasy แทน โดย แอช พนักงานห้างเอส-มาร์ท ที่โดนหลุมดำดูดเข้าไปพร้อมๆ กับเลื่อยไฟฟ้าคู่ใจ ฟื้นขึ้นมาในยุคกลางของอังกฤษ 1300 A.D. สมัยที่มี อัศวินขี่ม้า พ่อมด ปราสาท และประชาชนที่หวาดกลัวเหล่าปีศาจร้าย

แอชถูกจับตัวโดย Lord Arthur (Marcus Gilbert) พร้อมกับ Duke Henry the Red (Richard Grove)
เขาถูกตัดสินโทษโดยผลักลงบ่อที่คุมขังปีศาจร้าย เขาใช้เลื่อยไฟฟ้าฝ่าเจ้าปีศาจ ปีนขึ้นมาจากบ่อ
และกลายเป็นฮีโร่ที่ชาวเมืองคาดหวังว่าจะนำแสงสว่างกลับสู่อาณาจักร แอชได้พบกับสาวชาวบ้านโฉมงามนางหนึ่งนาม Sheila (Embeth Davidtz) ต่อมาหนังได้เผยให้แอชรู้ว่าการที่จะกลับไปสู่โลกของเขานั้น เขาจะต้องนำคำภีร์แห่งความตายกลับมา ซึ่งก่อนนำคัมภีร์ออกจากแท่นบูชาเขาจะต้องท่องคาถาตามที่ Wiseman (Ian Abercrombie) ได้บอกไว้

องค์ที่สองของหนัง แอชมุ่งหน้าไปหาคำภีร์ ซึ่งระหว่างทางจะต้องผจญกับเหล่าวิญญาณร้ายที่คอยขัดขวาง ฉากฮาๆ ฉากหนึ่งของหนังคือตอนที่แอชปะทะกับเหล่าแอชตัวเล็ก (Mini-Ash) หนังนำเสนอในแบบเหนือจริงคล้ายกับดูการ์ตูน Looney Toon ภาคคนแสดง ที่ร่างกายคนสามารถยืดได้หดได้ ตาถลนออกมานอกเบ้าได้ และหลายๆ ฉากของหนังอาจทำให้ผู้ชมนึกถึงตลกหน้าตายอย่าง จิม แครี่ และหนังเรื่อง The Mask

องค์สุดท้ายของหนังซึ่งมีลักษณะเป็นมหากาพย์ (Epic) เมื่อแอชและชาวเมืองรวมกันต่อสู้กับกองทัพโครงกระดูกที่ถูกปลุกขึ้นมาจากความผิดพลาดของเขา แอชต้องต่อสู้กับกองทัพโครงกระดูกสุดอำมหิตที่นำโดย Evil-Ash ตัวร้ายที่ออกมาจากร่างเขาเอง และช่วยเหลือคนรักของเขาที่โดนจับตัวไปที่ตอนนี้กลายเป็นราชินีของเหล่าปีศาจร้ายไปแล้ว

...แอช จะชนะศึกครั้งนี้พร้อมกับช่วยหญิงสาวคนรักได้อย่างไร ติดตามกันได้ในหนังนะครับ ซึ่งตอนนี้น่าจะหาชมกันได้ง่ายกว่าแต่ก่อน เพราะมี ดีวีดี รีมาสเตอร์ ออกมาครบทั้ง 3 ภาค

ตัวหนังใส่ลูกบ้ามาชนิดที่ไม่ต้องคำนึงถึงหลักเหตุผล เอามันส์กันอย่างเดียว เช่น พระเอก พนักงานขายของในห้าง แต่กลับมีความรู้ทางวิศวกรรมระดับเทพขนาดที่สามารถสร้างมือกลแทนมือของตนที่ขาดได้   และสร้างรถติดอาวุธที่ใช้สู้กับกองทัพปีศาจ รวมทั้งฉากที่แอชกรอกน้ำร้อนเข้าปากตัวเองแบบเหลือเชื่อในเรื่อง

ฉากจบมี 2 แบบ แบบแรกแอชกลับไปยุคปัจจุบันและทำงานเป็นพนักงานห้างเอส-มาร์ท อีกครั้ง
กับแบบที่ 2 ที่หลุดไปอยู่อีกมิติหนึ่ง


-- FRANCHISE --

นอกจากตัวหนังทั้ง 3 ภาคแล้ว Evil Dead ยังถูกต่อยอดออกไปในหลายรูปแบบ เช่น การ์ตูนคอมมิกส์, video game, figure และแม้แต่ละครเพลง!

-- COMICS --
สำหรับรูปแบบของการ์ตูนคอมมิกส์ จัดพิมพ์โดย 2 ค่ายยักษ์ของวงการ อย่างค่าย Dark Horse Comics (Army of Darkness, The Evil Dead) และค่าย Dynamite Entertainment (Army of Darkness: Ashes 2 Ashes, Army of Darkness: Shop till You Drop Dead) ซึ่งนอกจากจะมีซีรีย์เป็นของตนเองแล้ว ตัวละครอย่างแอชยัง cross-over ไปแจมกับตัวละครในเรื่องอื่นๆ อีกเช่น Marvel Zombies, Darkman, Freddy Krueger, Jason Voorhees, Xena, Danger Girl หรือแม้แต่ Barack Obama ก็ไม่เว้น






-- VIDEO GAME --
The Evil Dead (1984) - Commodore 64 and ZX Spectrum
Evil Dead : Hail to the King (2000) - PlayStation, Dreamcast, and PC
Evil Dead : A Fistful of Boomstick (2003) - PlayStation 2 and Xbox
Army of Darkness Defense (2011) - iPhone, iPod Touch, and iPad
Evil Dead: The Game (2011) - iPhone, iPod Touch, and iPad



 


-- FIGURE --
Figure จากหลายค่าย เช่น McFarlane Toys, NECA, Sideshow




-- MUSICAL --
ละครเพลง Evil Dead : The Musical จัดแสดงในปี 2007





แซม ไรมี ได้สร้างเรื่องราวและตัวละครอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ใน Evil Dead ไตรภาค แม้ว่าหนังจะจบไปนานแล้วแต่มันกลับถูกแตกแขนงออกเป็นสินค้าอีกหลากหลายประเภทในเวลาต่อมา มันยังส่งอิทธิพลต่อศิลปินในหลายๆ วงการรวมถึงวงการเพลง Rock มันมี Fan Site ที่แฟนๆ ทั่วโลกสร้างขึ้นอีกมากมาย ซึ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า 'มัน' จะยังตามหลอกหลอนคุณและผมไปอีกนาน! สมกับชื่อ "ผีอมตะ" +


* * * * * * *

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

ค่าต่าง ๆ ใน Modem (SNR, SNR Margin, Atten)

SNR (Signal to Noise Ratio) 
ADSL Modem ส่วนใหญ่จะสามารถตรวจสอบคุณภาพสายโทรศัพท์ได้ จากค่า SNR (Signal to Noise Ratio) ซึ่งจะบอกถึงอัตราส่วนระหว่างสัญญาณจริงที่ได้รับต่อสัญญาณที่เป็นสัญญาณรบกวน มีค่าเป็น เดซิเบล (dB) โดยหากว่าค่า SNR มีค่าต่ำมาก นั้นหมายความว่าความแรงของสัญญาณรบกวนนั้น แรงพอ ๆ กับสัญญาณจริง ทำให้การรับส่งข้อมูลที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจจะมีผลต่อการจับสัญญาณของ Modem ซึ่งทำให้จับ สัญญาณได้ช้า หรือเน็ตหลุดบ่อย, ไฟ ADSL กระพริบบ่อย ๆ เป็นต้น SNR ควรจะมีค่าสูง ๆ (ไม่ควรต่ำกว่า 10 dB) SNR ยิ่งมากยิ่งดี 

สมมุติ คุณยืนพูดอยู่ในห้องเงียบ ๆ กับเพื่อนที่อยูอีกฟากหนึ่งของห้อง เขาจะได้ยินเสียง (Signal) ของคุณได้อย่างชัดเจน เมื่อเราเปิดวิทยุดังขึ้นในห้อง คุณต้องตะโกนให้เสียงดังมากขึ้น (turn up signal strength) เพื่อให้เพื่อน คุณได้ยินเสียง (คุยกันรู้เรื่อง) การยืนใกล้กันมากขึ้น ยิ่งได้ยินเสียงมากขึ้น (High speed) 


ค่าอ้างอิงของ SNR (dB) 
0 - 5 dB = แย่, bad, no sync/intermittent sync 
8 - 13 dB = ปานกลาง - อาจจะไม่จับสัญญาณบางครั้ง (average - and no sync issues) 
14 - 22 dB = ดีมาก (very good) 
23 - 28 dB = ยอดเยี่ยม (excellent) 
29 - 35 dB = สุดยอด (rare) 


SNR Margin (Signal to Noise Ratio Margin) 


ความหมาย SNR Margin หรือ SNRM หรือ Noise Margin หรือ Receive Margin ส่วนใหญ่จะใช้เรียกกันใน หมู่ผู้ผลิต Modem CPE ที่มักจะใช้กำหนดตั้งเป็นค่า default ของ โมเด็ม 


SNR Margin ให้มองว่าเหมือน (Buffer Zone) SNR Margin กับ SNR มีความสัมพันธ์กัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน SNRM คือ ความแตกต่างระหว่าง Actual line SNR กับ SNR ที่ต้องการ Run ณ speed นั้น ๆ 
ตัวอย่างเช่น ถ้าสายเคเบิลต้องการ Run SNR 35 dB ที่ Speed 8 Mbps และ Actual line SNR = 41 dB 
ดังนั้น SNRM = 41-35 = 6 dB 
6 dB จะเป็นค่า Default ต่ำสุดที่ CPE ยอมให้ตั้งค่าได้ (หมายถึง ถ้า SNRM ต่ำกว่า 6 dB แสดงว่า Speed ไม่ Sync) ค่าที่เครื่อง Set ค่าให้ตั้ง SNRM ได้คือ 6, 9, 12, และ 15 dB ยิ่งค่า SNRM มาก ยิ่งดี คือ สัญญาณ Internet หลุดยาก




ผมขอเพิ่มเติมในส่วนของ Line Attenuation และวิธีแก้ไขเบื้องต้นนะครับ
Line Attenuation
ต่ำกว่า 20 = rare, great copper lines, close to co/remote
20-30 = excellent
30-40 = very good
40-60 = average
60-65 = poor
65 and above will have issues


ในกรณีที่มีค่า SNR Margin ต่ำ หรือมี Line Attenuation สูง ให้พิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1. เดินสายโทรศัพท์ตามทางสายไฟบ้านหรือไม่ สายไฟแรงสูงที่อยู่ใกล้ๆ จะส่งผลให้เกิดสัญญาณรบกวน (Noise) มากขึ้น
2. สายโทรศัพท์มาตรฐานหรือไม่ สายโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาตรฐาน (เส้นลวดอาจมีขนาดเล็ก) จะทำให้การค่าความต้านทานสูงขึ้นและ Line Attenuation จะมีมากขึ้น
3. อุปกรณ์ต่อพ่วงของโทรศัพท์ เช่น POTS Splitter Micro filter โทรศัพท์ต่อพ่วง มีผลกระทบต่อทั้ง 2 ปัจจัย ยิ่งมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก ก็จะเกิดสัญญาณรบกวนและ Line Attenuation จะมีค่ามากขึ้น
4. เช็คจุดที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ว่ามีการขันสายยึดแน่นเรียบร้อยหรือไม่


ที่มาของบทความ : www.adslthailand.com

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโลโก้ 7-ELEVEn

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโลโก้ 7-ELEVEn


คุณผู้อ่านเคยสังเกตุกันบ้างไหม ว่าโลโก้ของร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEn 
ตัวอักษร n ตัวสุดท้ายของชื่อร้านทำไมถึงเป็นตัวพิมพ์เล็ก

เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของ 7- ELEVEn มีความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ย
จึงได้เลือกใช้อักษร n ตัวเล็กแทนที่จะเป็น N ตัวใหญ่
ทั้งนี้ก็เพราะ n เล็ก มีรูปร่างคล้ายกับแม่เหล็ก (ที่เป็นทรงเกือกม้า)จะได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตัวดูดเงินดูดทองเข้าร้านคอยนำมาซึ่งโชคลาภความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ ให้แก่กิจการสืบไป


คราวนี้เวลาผ่าน 7-ELEVEn ก็มีเรื่องเล่าให้แฟนฟังแล้วนะครับ